นักวิจัยจาก University of Washington ได้ค้นพบวิธีเจาะเข้าระบบของคอมพิวเตอร์โดยการฝังโค้ดมมัลแวร์เอาไว้ใน DNA
จริงๆ แล้ว DNA ก็คือพื้นที่เก็บข้อมูบอย่าง สาย DNA ประกอบด้วย buiding block 4 ส่วนคือ A C G T ตัวเลขเหล่านี้เอาไปเก็บข้อมูลได้ที่คอมพิวเตอร์วิเคราะหืได้
ในบทความวิชาการที่จะนำไปพรีเซนต์ใน security symposium ประเทศแคนาดา วันที่ 17 สิงหาคม ได้อธิบายว่าพวกเขาฝังมัลแวร์ลงใน DNA แล้วเข้าควบคุมเครื่องอย่างไรโดยพุ่งเป้าโจมตีไปที่ loophole ของซอฟต์แวร์วิเคราะห์ DNA
การเขารหัส DNA ให้กลายเป็นมัลแวร์นั้น ทีมวิจัยค้นพบว่า sequencing program สามารถถูกแฮ้กให้ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ เมื่อโปรแกรมวิเคราะห์ DNA มันก็จะอ่านรหัส ปล่อยให้แฮ็กเกอร์ฉวยโอกาสเข้ามายึดเครื่อง
แม้จะฟังดูน่ากังวล นักวิจัยย้ำว่ายังไม่จำเป็นต้องตื่นตกใจกันตอนนี้
“เรายังไม่มีหลักฐานที่จะเชื่อว่าความปลอดภัยของ DNA sequencing หรือ DNA data โดยทั่วไปกำลังถูกโจมตี ในทางกลับกัน เรามองว่าผลลัพธ์เหล่านี้เป็นก้าวแรกไปสู่ความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ในระบบนิเวศน์ของ DNA sequencing” ทีมวิจัยแถลง
ภัยจากการที่สาย DNA ถูก sequence แล้วนำไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีคอมพิวเตอร์ยังไม่มีใครคาดคิด (under consideration) จนถึงตอนนี้
แต่ยิ่งการ sequnce มีค่าใช้จ่ายน้อยลง เรียบง่าย และได้รับความนิยมมากขึ้น การโจมตีลักษณะนี้อาจเป็นภัยได้ในอนาคตถ้าถูกเพิกเฉย
ค่าใช้จ่ายในการ DNA sequencing ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2008 เนื่องจากความก้าวหน้าในเทคโนโลยี next-generation sequencing (NGS) ตัวอย่างเช่น ในปี 2009 เราต้องจ่าย $100,000 ในการ sequence จีโนมของมนุษย์ แต่ในปี 2014 ค่าใช้จ่ายลดเหลือแต่ $1,000 เท่านั้น
การแฮ็ก gene sequencers อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อวงการนิติวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ทำให้การสืบสวนไขว้เขวด้วยการดัดแปลงข้อมูลทางพันธุกรรม วงการอื่นที่จะได้รับผลกระทบคือการแพทย์และเกษตรกรรม ทรัพย์สินทางปัญญา ไปจนถึงข้อมูลทางพันธุกรรมส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยได้ชี้ว่า แฮ็กเกอร์ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสร้างโค้ดที่กลายไปเป็นสาย DNA ได้ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย
---------------------------------------
ที่มา : Mashable
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 11/08/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |