หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

มาแล้ว บทความ Review iphone5 (รีวิว ไอโฟน5) จากต่างประเทศ ก่อนเปิดจำหน่ายจริงในวันที่ 21 กันยายน นี้

[21-กันยายน-2555] หลังจากเปิดตัว iPhone 5 (ไอโฟน 5) อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดพรีออเดอร์ในอีก 2 วันหลังจากเปิดตัว ซึ่งในวันนี้ (21 ก.ย.55) iphone 5 (ไอโฟน 5) ก็เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันแรก ใน 9 ประเทศครับ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งประเทศที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ก็คือ สิงคโปร์ และฮ่องกง ก็ได้เปิดจำหน่ายเป็นประเทศแรกเช่นกัน และแน่นอนครับ ในวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ เราคงได้มีโอกาสเห็น iphone5 (ไอโฟน5) จำหน่ายตามร้านตู้ที่มาบุญครองกันบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ จะมาจากการสั่งจองเป็นหลักครับ

และเนื่องจาก iPhone5 (ไอโฟน5) เปิดจำหน่ายวันนี้เป็นวันแรก จึงถือเป็นโอกาสดีที่ทาง เว็บไซต์ techmoblog จะนำบทความ รีวิว iphone 5 (iphone 5 review) มาให้ได้ชมกัน ซึ่งบทความนี้ เป็นบทความของต่างประเทศที่ได้เป็นเจ้าของ iphone 5 (ไอโฟน 5) กันที่เป็นเรียบร้อยแล้วนั่นเอง มาดูกันว่า iPhone 5 (ไอโฟน 5) มีรูปลักษณ์เป็นอย่างไร ฟังก์ชั่นการใช้งานดีขึ้นกว่าเดิมหรือ ข้อดี ข้อเสียของ iphone 5 (ไอโฟน5) และบทวิเคราะห์ iphone5 (ไอโฟน 5) ทั้งหมด ถูกรวบรวมอยู่ในบทความนี้แล้ว ไปชมพร้อมๆ กันครับ

ภาพรวม iPhone 5

สำหรับเรื่องของการออกแบบ iphone 5 (ไอโฟน5) นั้น เว็บไซต์ cnet ได้เปิดเผยว่า ถ้าหากจะถามว่าตื่นเต้นเหมือนตอน iPhone 4S หรือไม่ คงจะไม่ครับ หรือถ้าหากดูที่ฟีเจอร์ภายนอก เช่น หน้าจอใหญ่ หรือแบตเตอรี่อึดๆ ยิ่งจะเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ไม่ได้เลย เพราะถ้าหากต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ควรจะเป็น Samsung Galaxy S III แต่ถ้าหากต้องการสมาร์ทโฟนที่แบตเตอรี่ทนๆ ต้องเลือก Motorola RAZR Maxx มากกว่าที่จะมาใช้ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ครับ

แล้ว iPhone5 (ไอโฟน5) มีดีที่ตรงไหน อะไรคือความแตกต่าง? เว็บไซต์ cnet ได้เผยว่า ถ้าหากคุณต้องการอะไรที่ยิ่งใหญ่ ออกแบบได้ละเอียดถี่ถ้วนทุกซอกมุม คำตอบก็คือ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ครับ เหมือนกับ MacBook ที่ได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดของโน้ตบุ๊ค iphone 5 (ไอโฟน5) ก็เช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้ออกแบบได้เยี่ยมที่สุด แต่ก็ถือว่า ติด 1 ใน 3 ของสมาร์ทโฟนที่ถูกเลือกมากที่สุดในตอนนี้

ในยุคของ iPhone 4S นั้น แม้จะไม่มีหน้าจอใหญ่ หรือการรองรับเครือข่าย 4G เป็นแรงดึงดูด แต่ในตอนนั้น ก็ยังมีผู้ช่วย Siri มาดึงความสนใจให้กับ iPhone 4S ครับ และพอมาเป็น iphone5 (ไอโฟน5) แม้ขนาดหน้าจอ จะยังไม่ใหญ่เทียบเท่า Samsung Galaxy S III ได้ แต่ก็ถือว่า ใหญ่กว่ารุ่นก่อน และที่สำคัญ ยังรองรับเครือข่าย 4G อีกด้วย ตามมาด้วยกล้องที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก ลำโพงสนทนาเป็นแบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และที่สำคัญก็คือ iOS 6 ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาทั้งหมดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น Passbook, ระบบนำทางแบบ Turn-by-turn รวมไปถึงความสามารถของ Siri ที่เพิ่มขึ้นด้วย

โดยในทุกๆ ปีที่มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ มักจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ที่ถือว่า เป็นไฮไลท์ของ iPhone รุ่นนั้นๆ ซึ่งไฮไลท์ของ iPhone 5 (ไอโฟน5) ตามความคิดของเว็บไซต์ cnet นั้นก็คือ การรองรับ 4G, หน้าจอใหญ่ขึ้น และดีไซน์ใหม่ตั้งหัวจรดเท้า

iPhone 5 เบามากจนน่าตกใจ

อย่างแรกที่สัมผัสได้บน iphone5 (ไอโฟน 5) นั้นก็คือ ความเบาของ iphone5 (ไอโฟน5) ครับ แม้ว่าตัวเครื่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) จะยาวขึ้น หน้าจอใหญ่ขึ้น แต่ถือว่า เป็น iPhone รุ่นที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้

ถัดมาคือ หน้าจอแบบ Retina display ที่ถูกออกแบบให้ยาวขึ้น รองรับพื้นที่ใช้งานได้กว้างขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการใช้งานตรงที่ ถ้าหากใช้งานในแนวตั้ง ส่วนของคีย์บอร์ดแบบ Virtual keyboard จะไม่มีกินเนื้อที่การใช้งานมากจนเกินไป และถ้าหากใช้งานในแนวนอน จะช่วยเพิ่มความกว้างได้มากขึ้น เพราะสำหรับผู้ที่ชอบชมคลิปวิดีโอแบบขยายใหญ่ นอกจากนี้ ในหน้า home screen ยังจุแอพพลิเคชั่นได้มากขึ้น เนื่องจากหน้าจอมีขนาดยาวขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

อย่างที่สามคือ เรื่องของการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ครับ ถ้าหากผู้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G LTE มาก่อน คงจะไม่รู้สึกแตกต่างอะไร แต่สำหรับผู้ที่ใช้แต่ iPhone มาโดยตลอด จะต้องสัมผัสได้ถึงความแตกต่างว่า เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งจากการทดสอบโดยเว็บไซต์ cnet พบว่า เครือข่าย LTE นั้น มีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 10-20Mbps (ความเร็วอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานที่) ซึ่งสามารถใช้งานเป็น Wi-Fi hotspot ได้อย่างไม่มีปัญหา

iPhone 5 บางลง แข็งแรงทนทาน

ถ้าหากเปรียบเทียบ iPhone 5 (ไอโฟน 5) กับ iPhone 4 และ iPhone 4S แล้ว ถือว่า iphone5 (ไอโฟน5) มีการพัฒนาในด้านการออกแบบที่ดีขึ้นมาก ทั้งในเรื่องของความบาง ความแข็งแรงของตัวเครื่องแบบโลหะ แต่เมื่อเทียบขนาดหน้าจอ กับสมาร์ทโฟนระดับ High-end รุ่นอื่นๆ แล้ว ถือว่า เล็กกว่ามากครับ ดังเช่นภาพเปรียบเทียบ Nokia Lumia 900, iPhone 5 และ Samsung Galaxy S III (Galaxy S 3)

จากด้านหน้า ถึงด้านข้างตัวเครื่อง พบว่า iphone5 (ไอโฟน5) ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก iPhone 4S มากนัก นั่นก็คือ มีปุ่มปรับเสียง, ปุ่มล็อค / sleep ในด้านบน และปุ่มปิดเสียงในด้านข้าง แต่ความเปลี่ยนแปลงของ iphone 5 (ไอโฟน 5) อยู่ตรงด้านล่างตัวเครื่องครับ โดยช่องเสียบหูฟัง ได้ย้ายจากด้านบน ไปอยู่ด้านล่างเช่นเดียวกับ iPod touch Gen 5 ลำโพงถูกออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อ ให้เป็นแบบ Lightning connector ซึ่งมีขนาดเล็กลง

ส่วนด้านหลังตัวเครื่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้น ได้ถอด Gorilla Glass แล้วใช้วัสดุประเภทโลหะแทน ทำให้ iphone5 (ไอโฟน 5) มีลักษณะทูโทน (Two-tone) ดังที่เห็นตามรูป ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำนั้น เป็น anodized aluminium ที่ทาง Apple บอกว่า เป็นวัสดุเดียวกับบน MacBook นั่นเองครับ ส่วนด้านบนและด้านล่าง ยังคงเป็นกระจกเหมือนเช่นเคย ซึ่งตัวเครื่องสีขาว และสีดำ จะมีสีด้านหลังแตกต่างกัน โดย iphone 5 (ไอโฟน 5) สีดำ จะเป็นสี Slate ในขณะที่ iphone5 (ไอโฟน 5) สีขาว จะเป็น Silver นอกจากนี้ ซิมการ์ด ได้เปลี่ยนมาใช้ Nano-SIM card เรียบร้อยแล้ว

iPhone 5 หน้าจอ 4 นิ้ว

จากขนาดหน้าจอแบบเดิม 3.5 นิ้ว iphone5 (ไอโฟน5) ได้เปลี่ยนมาเป็นขนาด 4 นิ้วแล้ว ซึ่งขนาดที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นส่วนด้านยาวครับ ด้านกว้างยังคงกว้างเท่าเดิม ความละเอียดอยู่ที่ 1136 x 640 พิกเซล ความหนาแน่นต่อจุดพิกเซลอยู่ที่ 326ppi (เท่า iPhone 4S) และเป็นหน้าจอแบบ Retina display ซึ่งตัวเครื่องที่ยาวขึ้นนี่เอง ทำให้สามารถจุแอพพลิเคชั่นได้มากขึ้นกว่าเดิม จาก 4 แถว เป็น 5 แถว และทำให้พื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ

สำหรับอินเทอร์เฟสบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้น ถือว่า ยังคงเดิม โดยไอคอนยังคงมีขนาดเท่าเดิม ส่วน dock ด้านล่าง ยังคงมี 4 ไอคอนเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Notification center ก็มีขนาดที่ยาวขึ้น ตามขนาดหน้าจอที่ยาวขึ้นครับ

สำหรับการใช้งาน iphone 5 (ไอโฟน 5) แบบแนวนอน หรือ Landscape mode จะพบว่า คีย์บอร์ดมีระยะห่างที่กว้างขึ้นตามขนาดหน้าจอ ทำให้สามารถพิมพ์ได้สะดวกขึ้น

ส่วนการใช้งาน iphone5 (ไอโฟน5) ในแนวตั้ง หรือ Portrait mode จะเห็นว่า คีย์บอร์ดมีความกว้างเท่าเดิม แต่ระยะห่างระหว่างคีย์บอร์ด และพื้นที่การใช้งานจะกว้างขึ้นครับ เนื่องจากตัวเครื่องยาวขึ้นนั่นเอง

เกม Infinity Blade II

อย่างไรก็ดี ด้วยหน้าจอที่ยาวขึ้นเช่นนี้ จะมีปัญหากับแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับกับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ครับ แม้ว่า หลังจากที่ iOS 6 เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา และมีหลายแอพพลิเคชั่น ต่างออกอัพเดทเพื่อให้รองรับกับ iphone 5 (ไอโฟน 5) แต่ก็ยังไม่ครบทั้งหมด ทำให้แอพพลิเคชั่นบางตัว ไม่สามารถแสดงผลได้เต็มหน้าจอได้ ยกตัวอย่างเช่น เกม Infinity Blade II จากภาพด้านบน ที่แสดงผลเท่ากับขนาดหน้าจอของ iPhone 4S ครับ

โดยแอพพลิเคชั่นที่รองรับการแสดงผลบน iphone5 (ไอโฟน5) ตามที่เว็บไซต์ cnet ได้ทดสอบนั้น ก็ได้แก่ iMovie, iPhoto, Pages, Numbers, Keynote, GarageBand, iCards, Maps, Reminders, Messages, Photos, Camera, Videos, Weather, Passbook, Notes, Stocks, Newsstand, iTunes, App Store, Game Center, Contacts, Calculator, Compass, Voice Memos, Mail, Safari, Music และสุดท้าย หน้าโทรศัพท์ครับ

เปรียบเทียบขนาดหน้าจอ ขณะชมวิดีโอขนาด 1080p เท่ากัน จะเห็นว่า หน้าจอของ iphone 5 (ไอโฟน 5) จะมีการแสดงผลที่กว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ นอกจากนี้ แม้ว่าทั้ง 2 รุ่น จะใช้หน้าจอแบบ Retina display เหมือนกัน แต่หน้าจอของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) จะใสกว่า สว่างกว่า และชัดกว่า นั่นเป็นเพราะเทคโนโลยีแบบ in-cell ที่ถูกใช้บนหน้าจอนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้ตัวเครื่องบางลงแล้ว หน้าจอยังสว่างขึ้นกว่าเดิม 44% ครับ

iPhone 5 รองรับการเชื่อมต่อ LTE เร็วขึ้นกว่าเดิม

iPhone 5 (ไอโฟน 5) ถือว่า เป็น iPhone รุ่นแรก ในจำนวน 6 รุ่นที่รองรับเครือข่าย 4G LTE ครับ แต่ iphone5 (ไอโฟน5) จะรองรับ 4G LTE คลื่นความถี่ใดได้นั้น อยู่ที่ว่า เราซื้อ iphone 5 (ไอโฟน 5) โมเดลอะไรมาครับ ซึ่งมีทั้งหมด 3 โมเดลด้วยกันคือ

- โมเดล GSM A1428 : รองรับ LTE (Bands 4, 17)
- โมเดล CDMA A1429 : รองรับ LTE (Bands 1, 3, 5, 13, 25)
- โมเดล โมเดล GSM 1429 : รองรับ LTE (Bands 1, 3, 5)

สำหรับเครือข่าย LTE ที่รองรับในต่างประเทศ มีดังนี้ครับ

- USA : AT&T, Sprint และ Verizon Wireless (ไม่มี T-Mobile)
- Canada : Rogers, Bell, Telus, Fido, Virgin และ Koodo
- Asia : SoftBank, SmarTone, SingTel และ SK Telecom
- Australia : Telstra, Optus และ Virgin Mobile
- Europe : Deutsche Telekom และ EE (Everything Everywhere)

ส่วนประเทศไทยเรา ยังไม่มีเครือข่าย 4G จึงไม่มีปัญหาการใช้งานในส่วนนี้ ซึ่งการเชื่อมต่อ 4G LTE จะเป็น 3G แทนครับ

สำหรับความแตกต่างระหว่างความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บเพจแต่ละครั้ง พบว่า ในแบบ mobile version นั้น iPhone 4S ใช้เวลา 8.5 วินาที ส่วน iPhone 5 ใช้เวลา 5.3 วินาที และถ้าหากเป็นแบบ desktop mode พบว่า iPhone 4S ใช้เวลา 23.3 วินาที ส่วน iphone 5 ใช้เวลา 16 วินาทีครับ (โดยเฉลี่ย)

กล้องบน iPhone 5

สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) ก็คือ กล้องถ่ายรูปด้านหลังที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยเป็นกล้องแบบ iSight กระจกครอบเลนส์ทำมาจาก sapphire-crystal ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และกันรอย นอกจากนี้ ยังปรับปรุงด้านฟังก์ชั่นการถ่ายภาพ โดยสามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ระบบกันภาพสั่นขณะบันทึกวิดีโอ และสามารถถ่ายภาพนิ่ง ไปพร้อมๆ กับการถ่ายคลิปวิดีโอได้อีกด้วยครับ ซึ่งภาพที่ได้ ก็คือ ภาพจากการ capture หน้าจอนั่นเองครับ

สำหรับภาพถ่ายที่ได้นั้น เว็บไซต์ cnet ได้เผยว่า ถ้าหากเทียบกับภาพจาก iPhone 4S แล้ว มีความคมชัดมากขึ้นเล็กน้อยครับ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อยก็ตาม แต่ภาพที่ได้ก็ยังมีความสว่าง และให้แสงที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่ iPhone 4S ทำไม่ได้ แต่ iphone 5 (ไอโฟน 5) ทำได้ครับ

ตัวอย่างภาพที่ได้จากกล้องบน iPhone5 (ไอโฟน5) โดยเว็บไซต์ cnet ครับ

ในที่ร่ม (Indoor)

ข้างนอก (outdoor)

นอกจากนี้ ความสามารถอีก 1 อย่างบน iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นก็คือ ความสามารถในการถ่ายภาพมุมกว้าง หรือ Panorama (พาโนรามา) นั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้ มีอยู่บน iOS 6 ครับ ฉะนั้น iPhone 4S ก็สามารถถ่ายภาพโหมดนี้ได้เช่นกัน มาดูตัวอย่างภาพแบบ Panorama กัน

ตัวอย่างคลิปวิดีโอที่ถ่ายจากกล้องบน iphone 5 ครับ

ประสิทธิภาพของ Apple A6 บน iPhone 5

สำหรับชิปเซ็ทที่ใช้บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) ก็คือ Apple A6 ซึ่งเป็นซีพียูแบบ Dual-core Processor ความเร็ว 1.07GHz และหน่วยประมวลผลกราฟฟิคแบบ Quad-core Processor พร้อมกับ RAM อีก 1GB ซึ่ง Apple ได้เผยว่า ชิปเซ็ท Apple A6 นั้น เร็วกว่าชิปเซ็ท Apple A5 บน iPhone 4S ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

ซึ่งจากการทดสอบโดยใช้งานแอพพลิเคชั่น ซึ่งได้แก่ iMovie, iPhoto, Pages, Numbers, Keynote, GarageBand, iCards และ Maps รวมไปถึงการใช้งานแบบ multitasking พบว่า ประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่การเปิดแอพพลิเคชั่นถือว่า ไม่มีอะไรแตกต่าง

iPhone 5 ตัวเครื่องร้อนหรือไม่ ?

จากที่ผู้ใช้งาน The new iPad (iPad 3) ประสบปัญหาตัวเครื่องร้อนขึ้นขณะใช้งาน ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPad 2 ถือว่า ร้อนกว่ามาก เลยทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยว่า iphone 5 (ไอโฟน 5) จะร้อนขึ้นเหมือน iPad 3 หรือไม่ ผลการทดสอบจาก cnet เผยว่า ตัวเครื่องปกติครับ อุ่นๆ เล็กน้อย แม้ว่าจะเปิดใช้งานเครือข่าย 4G LTE ก็ตาม

หูฟัง EarPods และพอร์ตการเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning connector

นอกจาก iphone 5 (ไอโฟน 5) จะมีตัวเครื่องที่บางลงแล้ว พอร์ตการเชื่อมต่อยังมีขนาดที่เล็กลงอีกด้วย และเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น Lightning connector ครับ ซึ่งความพิเศษของสาย Lightning cable นั้นก็คือ เสียบได้ 2 ด้านครับ จะพลิกหน้าหรือพลิกหลังก็ได้ และด้วยความที่มีขนาดเล็กนี่เอง ทำให้ช่วยประหยัดพื้นที่ในการเก็บด้วย

ส่วนหูฟัง เปลีี่ยนใหม่เป็น EarPods ที่มีการออกแบบใหม่ให้สามารถสวมใส่ได้อย่างสะดวกมากขึ้น เหมาะกับทุกสรีระของหู ไม่เจ็บหู และให้เสียงที่คมชัดครับ ซึ่งหูฟัง EarPods นั้น มีแถมมาในกล่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) เลย ไม่ต้องซื้อแยกครับ

บทสรุปปิดท้าย บทความ รีวิว iphone 5

เนื่องจากบทความ รีวิว iPhone 5 (iphone 5 review) นี้ เป็นบทความจากเว็บไซต์ cnet จึงขอนำความเห็นจากผู้ที่ได้ทำการทดสอบ มาสรุปให้ได้อ่านกันนะครับ ซึ่งผู้ที่ทำการรีวิว iphone5 ได้เผยว่า แม้ตัวเครื่องภายนอกของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นอย่างเด็ดชัด แต่ภายในนั้น ถือว่า ได้รับการปรับปรุงทั้งหมด อย่างที่ทราบๆ กันว่า iPhone นั้น ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนรูปแบบมาก ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้าบน iphone 5 (ไอโฟน5) เครื่องนี้คือ จอใหญ่ขึ้น รองรับ LTE ปรับปรุงกล้อง ในขณะที่ฟีเจอร์อย่างอื่น เช่น FaceTime, Siri หรือแม้แต่แผนที่ Apple Maps เป็นสิ่งที่ไม่สร้างแรงดึงดูดให้กับผู้ที่ได้พบเห็น หรือสัมผัสอีกแล้ว แม้ว่าจะมีการปรับปรุงก็ตาม

นอกจากนี้ ผู้ทำการรีวิว ยังได้เผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมา iPhone 4S รองรับ LTE ไม่ได้ หน้าจอไม่ใหญ่ แต่ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ตอบสนองความต้องการของเค้าทั้งหมด อีกทั้งซีพียูที่เร็วขึ้น และ iOS 6 ซึ่งเค้าคิดว่า แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน และเป็น iPhone ที่ดีที่สุดที่เคยสัมผัสมาครับ แม้ว่าตอนนี้ iphone 5 (ไอโฟน 5) จะยังไม่รองรับ NFC ก็ตาม

และนี่ก็คือ ความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ จากผู้ที่ได้สัมผัส iphone 5 (ไอโฟน5) เครื่องจริงมาแล้ว ซึ่งแต่ละคน ก็จะมีข้อคิดเห็น และบทวิจารณ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ และการใช้งานของแต่ละท่านด้วย ส่วนบทความ รีวิว iphone 5 (iphone5 review) เร็วๆ นี้ ได้อ่านกันอย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามกันนะครับ :)

 

 

ข้อมูลจาก : cnet.com
---------------------------------------
บทความโดย : techmoblog.com

 

 

 

Update : 21/09/2012

iphone5 รีวิว iphone 5 iphone 5 review





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy