Apple เผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ยอดขาย iPhone ลดลงถึง 15% แต่สินค้าและบริการอื่น ๆ ทำรายได้ดีขึ้น

ล่าสุด Apple ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2019 ตามปีงบการเงินของบริษัท (ตุลาคม - ธันวาคม 2018) พบว่า รายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 84.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนยอดขาย iPhone ลดลงถึง 15% เลยทีเดียว

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Apple ได้เคยส่งสารให้นักลงทุนแล้วว่า ยอดขาย iPhone รวมทั้งหมดในไตรมาสล่าสุดนี้ลดลง เนื่องมาจากปัญหาด้านการค้าขายระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงแคมเปญลดราคาแบตเตอรี่เหลือ 1,000 บาท ทำให้ผู้ใช้ iPhone เลือกที่จะนำ iPhone ไปเปลี่ยนแบตใหม่ แทนที่จะซื้อเครื่องใหม่ โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2019 ตามปีงบการเงินของ Apple สรุปได้ดังนี้

• รายได้รวมอยู่ที่ 84.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5% (เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน)
• รายได้จากการขาย iPhone ลดลง 15%
• รายได้จากการขาย iPad เพิ่มขึ้น 17%
• รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ Mac ทุกรุ่น เพิ่มขึ้น 9%
• รายได้จากการขายอุปกรณ์สวมใส่ (Apple Watch), HomePods, AirPods และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 33%
• รายได้จากตลาดจีนลดลง 27%
• iPhone XR ทำยอดขายสูงที่สุดในบรรดา iPhone ที่เปิดตัวในปี 2018 ตามมาด้วย iPhone XS Max และ iPhone XS

นอกจากนี้ Apple ยังได้คาดการณ์ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2019 ไว้ดังนี้

• รายได้อยู่ที่ระหว่าง 55-59 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
• กำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ระหว่าง 37-38%
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ระหว่าง 8.5-8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
• รายได้ หรือรายจ่ายอื่น ๆ อยู่ที่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
• อัตราภาษี อยู่ที่ 17%

อย่างไรก็ดี ในไตรมาสนี้ถือว่าเป็นไตรมาสแรกที่ Apple ไม่ได้เผยตัวเลขว่า iPhone ขายได้ทั้งหมดกี่เครื่อง บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น แต่ทางนักวิเคราะห์ คาดว่า Apple ขาย iPhone ในไตรมาสล่าสุดนี้ได้ราว ๆ 65.9 ล้านเครื่อง ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ที่ขายได้ 77.3 ล้านเครื่อง

-------------------------------------
ที่มา : iclarified.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 30/01/2019

Apple