Niantic เริ่มปลดแบนผู้เล่น Pokemon Go ที่ใช้แอปดูจุดเกิดโปเกมอนบางส่วนแล้ว ย้ำชัดใช้แอปช่วยจับและปล่อยบอทผิดกฏการเล่น ส่วน PokeRadar รอดเนื่องจากเป็นแอปที่บอกจุดจากการรายงานของผู้ใช้เท่านั้น

เชื่อว่าใครเหล่าเทรนเนอร์หลายคนคงได้ทราบข่าวคราวถึงการลงดาบผู้เล่นที่ทำการโกงเกม Pokemon Go ด้วยการแบนถาวรกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านการปล่อยบอท หรือการใช้แอปพลิเคชันเสริมต่างๆ อย่างไรก็ตามล่าสุดทางผู้พัฒนาเกมเปิดเผยว่า จะดำเนินการปลดแบนให้แก่ผู้เล่นที่เคยใช้แอปพลิเคชันบอกจุดเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

Pokevision โปรแกรมบอกจุดเกิดโปเกมอนที่ถูกปิดตัวลง

โดยทาง John Hanke ซีอีโอของบริษัท Niantic ผู้พัฒนาเกม Pokemon Go ได้อัปเดตข่าวคราวของ account ที่ถูกแบนไป โดยระบุว่าทางบริษัทมีความจำเป็นในการแบนผู้เล่นที่ใช้โปรแกรมเข้าถึงเซิฟเวอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การใช้โปรแกรมบอกจุดเกิดโปเกมอนอย่าง Pokevision และ Poke Bliss เนื่องจากโปรแกรมเหล่านี้จะมีการรับและส่งข้อมูลกับเซิฟเวอร์ตลอดเวลา ทำให้เซิฟเวอร์ต้องแบกรับภาระที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดผลกระทบคล้ายกับการโจมตีเซิฟเวอร์แบบ DDoS ทำให้เกิดการ soft-ban แบบอัตโนมัติ โดยในขณะนี้ทางบริษัทกำลังเร่งปลดแบนให้กับผู้เล่นกลุ่มดังกล่าวอยู่ สำหรับตัวโปรแกรมที่เข้าไปดึงข้อมูลจากเกมมาโดยตรงเพื่อบอกจุดเกิดโปเกมอนนั้น ล่าสุดได้ปิดตัวลงไปแล้วเช่นกัน หลังทางผู้พัฒนาออกอัปเดตใหม่เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้สามารถใช้งานได้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา 

หน้าตาตอนเข้าเกมของผู้เล่นที่ถูกแบน

อย่างไรก็ดีทางบริษัทเน้นย้ำว่าแอปพลิเคชันบอกจุดเกิดโปเกมอนที่มีการดึงข้อมูลจากเซิฟเวอร์นั้น ขัดต่อข้อตกลงการให้บริการ (Term of Service) ซึ่งหากมีการนำมาใช้อีกก็จะมีสิทธิถูกแบนได้ในอนาคตเช่นกัน สำหรับเทรนเนอร์รายใดที่ทำการปล่อยบอทเพื่อจับโปเกมอน หรือปล่อยบอทเพื่อต่อสู้ยิมและหมุนป้าย PokeStop จะไม่ได้รับการปลดแบนเพียงแต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้ที่ใช้เทคนิคการหาจุดเกิดโปเกมอนด้วย Poke Radar Go ไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะโดนแบนด้วยหรือไม่ เพราะแอปพลิเคชันทั้งเวอร์ชันเว็บไซต์และสมาร์ทโฟน ไม่ผิดข้อตกลงการให้บริการของ Pokemon Go เนื่องจากตัวซอฟท์แวร์ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับระบบภายในเกม รวมถึงข้อมูลจุดเกิดโปเกมอนที่ปรากฏนั้นล้วนมาจากการรายงานของเหล่าเทรนเนอร์ทั้งสิ้น

--------------------------------------- 
ที่มา : The Verge, Pokemon Go Live
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 31/08/2016

Pokemon Go