เปิดตัว iPhone XR แรงด้วยชิป A12 Bionic, รองรับ Face ID และจอ Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว มีให้เลือก 6 สี เคาะราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone XR ไอโฟนรุ่นราคาที่ย่อมเยาที่สุดในบรรดาไอโฟนที่เปิดตัวในปีนี้ ด้วยดีไซน์แบบกระจก พร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งเป็นจอ LCD ที่ล้ำสมัยที่สุดในสมาร์ทโฟน พร้อมชิปเซ็ต Apple A12 Bionic และมีให้เลือกมากถึง 6 สี เปิดพรีออเดอร์ 19 ตุลาคม และวางจำหน่ายวันแรกวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคมนี้

สำหรับสเปกและคุณสมบัติต่าง ๆ ของ iPhone XR มีรายละเอียดดังนี้

• หน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้ว แบบ Liquid Retina HD Display ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล (326 ppi)
• อัตราส่วนคอนทราสต์ 1400:1
• หน้าจอแสดงผลเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ
• ชิปเซ็ต Apple A12 Bionic แบบ 6-Core Processor (64-bit) พร้อมระบบ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB, 128 GB และ 256 GB
• กล้องด้านหน้าแบบ TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • รูรับแสง F/2.2
  • รองรับ Portrait Mode
  • รองรับ Smart HDR
  • ไฟแฟลชแบบ Retina Flash
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
  • รูรับแสง F/1.8
  • รองรับ Portrait Mode
  • ระบบกันภาพสั่น (OIS)
  • ไฟแฟลชแบบ Quad-LED True Tone Flash
  • รองรับการซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 5x
• รองรับ Face ID ระบบการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
• รองรับ Apple Pay
• กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
• รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
• ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 12
• มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล (Coral) และสีแดง (PRODUCT)RED
• ราคาเปิดตัวในสหรัฐฯ อยู่ที่ $749 สำหรับรุ่นความจุ 64 GB

หน้าจอแบบ Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว กันน้ำได้

iPhone XR มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว แบบ Liquid Retina ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล ที่ทาง Apple เผยว่า เป็นหน้าจอแบบ LCD ที่ล้ำสมัยที่สุดในสมาร์ทโฟน ทั้งการแสดงสีสันได้อย่างแม่นยำ พร้อมรองรับขอบเขตสีกว้าง โดยตัวบอดี้ทำมาจากอะลูมิเนียมซีรี่ส์ 7000 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ส่วนด้านหลังตัวเครื่องเป็นกระจกที่สามารถชาร์จแบบไร้สายได้

โดย iPhone XR รองรับคุณสมบัติด้านการกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที

รองรับชิปเซ็ต Apple A12 Bionic และ Neural Engine

iPhone XR มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A12 Bionic ซึ่งเป็นชิปแบบ 7 นาโนเมตรตัวแรกบนสมาร์ทโฟน โดยเป็นชิปเซ็ตแบบ 6-Core ประกอบด้วย 2-Core สำหรับการประมวลผลที่เร็วขึ้น 15% และ 4-Core ประหยัดพลังงาน ซึ่งประหยัดพลังงานมากขึ้น 50% นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก (GPU) ยังเป็นแบบ 4-Core ที่เร็วขึ้น 50% แต่ยังคงประหยัดพลังงานเหมือนเช่นเคย ซึ่ง iPhone XR สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus ราว ๆ 1.30 ชั่วโมง

นอกจากนี้ iPhone XR ยังรองรับ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป สำหรับการเรียนรู้การทำงานของระบบ ตั้งแต่การถ่ายรูปจนถึงเทคโนโลยีด้าน Machine Learning นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกกับการเรียกใช้งาน Neural Engine ผ่าน Core ML ได้ ซึ่ง Core ML บน Neural Engine ของ Apple A12 Bionic เร็วกว่า Apple A11 Bionic ถึง 9 เท่า แต่ใช้พลังงานน้อยเพียงแค่ 1 ใน 10

รองรับ Face ID ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า

iPhone XR รองรับ Face ID หรือระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งเป็นระบบที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนสมาร์ทโฟน ผ่านทางกล้อง TrueDepth สามารถใช้ปลดล็อก, ใช้ Apple Pay รวมถึงเข้าใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย

กล้องเลนส์เดี่ยว 12 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ

iPhone XR มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง เลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด F/1.8 พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode) แม้ว่าตัวกล้องจะไม่ใช่เลนส์คู่ก็ตาม นอกจากนี้ ยังโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ทำให้ได้ภาพที่สมจริงมากขึ้น

ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.2 และรองรับ Portrait Mode เช่นกัน

รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด

iPhone XR รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ nanoSIM และ eSIM แบบดิจิทัล ซึ่งการรองรับซิมคู่จะมีให้ใช้งานภายในปีนี้ผ่านการอัปเดตซอฟท์แวร์

ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 12

iPhone XR ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 12 พร้อมรองรับฟีเจอร์ Animoji และ Memoji รวมถึงฟีเจอร์สุดล้ำอีกมากมาย ทั้ง Siri Shortcut ที่ทำให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานร่วมกับ Siri ได้ รวมถึงด้านความเป็นส่วนตัวที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้จากการถูกติดตามบนเว็บ เป็นต้น

ราคาและวันวางจำหน่าย iPhone XR

iPhone XR มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล (Coral) และสีแดง (PRODUCT)RED ประกอบด้วย 3 ขนาดความจุ ได้แก่ 64 GB, 128 GB และ 256 GB เคาะราคาเริ่มต้นที่ $749 หรือราว ๆ 25,000 บาท (คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ) โดยเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 19 ตุลาคม และวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม 2018 ในกลุ่มประเทศแรก ได้แก่ อันดอร์รา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, บาห์เรน, เบลเยียม, บัลแกเรีย, แคนาดา, จีน, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, กรีนแลนด์, เกิร์นซีย์, ฮ่องกง, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อินเดีย, ไอร์แลนด์, เกาะแมน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เจอร์ซีย์, คูเวต, ลัตเวีย, ลิกเตนสไตน์, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, เม็กซิโก, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โอมาน, โปแลนด์, โปรตุเกส, เปอร์โตริโก, กาตาร์, โรมาเนีย,​ รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, สโลวะเกีย, สโลวีเนีย, แอฟริกาใต้, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่มีรายชื่อประเทศไทยในตอนนี้

สำหรับราคาและวันวางจำหน่าย iPhone XR ในไทย ทีมงานจะอัปเดตให้ทราบกันอีกครั้ง

-------------------------------------
เรียบเรียงข้อมูลโดย : techmoblog.com

Update : 13/09/2018

iPhone XR