หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

iPhone X ถูกจับทดสอบ Drop Test พบแตกง่ายและซ่อมแพงกว่ามือถือทั่วไป

08-11-2017

เปิดอ่าน 5,758 ครั้ง

ปัจจุบัน การทดสอบความทนทานของสมาร์ทโฟน หรือ Drop Test ถือว่าเป็นการทดสอบปกติของสมาร์ทโฟนไปเสียแล้ว และล่าสุด เป็นการทดสอบกับ iPhone X ที่เพิ่งวางจำหน่ายในต่างประเทศเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มาดูกันว่า iPhone X ที่มีราคาค่าตัวที่ 40,500 บาทรุ่นนี้ จะแข็งแกร่งกับการตกกระแทกมากน้อยแค่ไหน

โดยเว็บไซต์ cnet ได้ทำการทดสอบ Drop Test กับ iPhone รุ่นที่ราคาแพงที่สุดในตอนนี้อย่าง iPhone X ซึ่งบอดี้ตัวเครื่องนั้น เป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนกรอบเป็น Stainless Steel ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา iPhone ทุกรุ่น ซึ่งทีมงานได้ทำการทดสอบความแข็งแกร่ง 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ Scratch Test ทดสอบรอยขีดข่วน และ Drop Test ทดสอบด้านการตก

สำหรับการทดสอบรอยขีดข่วน หรือ Scratch Test นั้น ถูกทดสอบด้วยลูกกุญแจด้วยแรงกดระดับปานกลาง โดยทดสอบกับทั้งกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงกรอบตัวเครื่อง ซึ่งทีมงานได้ทำการทดสอบบน iPhone X ทั้ง 2 สี นั่นก็คือ Silver และ Space Gray ว่า มองเห็นรอยขีดข่วนเด่นชัดแตกต่างกันอย่างไร ผลปรากฏว่า ยังไม่มีรอยขีดข่วนปรากฏ แต่เมื่อทดสอบด้วยกระดาษทราย พบว่า เกิดรอยขึ้นที่ตัวกระจก เห็นชัดเจนที่สุดบน iPhone X สีเทา Space Gray ส่วนกรอบตัวเครื่องยังไม่มีรอยเกิดขึ้น

ถัดมาเป็นการทดสอบ Drop Test กันบ้าง โดยทำการทดสอบทั้งหมด 2 รอบด้วยกัน ที่ความสูง 0.9 เมตร ซึ่งเป็นความสูงในการตกระดับกระเป๋ากางเกง แน่นอนว่า การทดสอบทั้ง 2 รอบนั้น กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง iPhone X มีรอยแตกเสียหายอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับขอบ Stainless Steel ก็มีรอยขีดข่วน รวมถึงขอบมุมตัวเครื่อง (เกิดจาก Drop Test ในครั้งแรก มุมเครื่องลงพื้นก่อน) นอกจากกระจกจะแตกแล้ว ตัวเครื่องยังบุบอีกด้วย แต่ตัวเครื่องยังคงใช้งานได้ตามปกติ

โดยผลการทดสอบ Drop Test บน iPhone X นี้ คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจมากนัก แต่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า iPhone X ควรจะติดกระจกกันรอย และใส่เคสป้องกัน นอกจากนี้ ค่าซ่อม iPhone X มีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร เพียงแค่กระจกหน้าจออย่างเดียว ก็มีราคาซ่อมสูงถึง $279 หรือราว ๆ 9,700 บาท แล้ว ส่วนการซ่อมตัวเครื่องทั่วไป จะอยู่ที่ $549 หรือราว ๆ 19,000 บาทเลยทีเดียว