ผลการสำรวจชี้ สาเหตุที่ผู้ใช้ชะลอการซื้อ iPhone รุ่นใหม่ เป็นเพราะปัจจัยด้านราคา และขาดนวัตกรรมใหม่ ๆ

จากหลาย ๆ รายงานก่อนหน้านั้น ที่ระบุว่า การที่ iPhone ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้ผู้ที่ใช้ iPhone อยู่แล้ว ยืดเวลาในการเปลี่ยนเครื่องใหม่นานขึ้นกว่าเดิม สอดคล้องกับรายงานล่าสุดจากทาง Strategy Analytics ระยะเวลาเฉลี่ยในการตัดสินใจอัปเกรดเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ สูงถึง 33 เดือน หรือเกือบ ๆ 3 ปีเลยทีเดียว

โดยรายงานล่าสุดจาก Strategy Analytics เผยว่า iPhone จะถูกใช้งานนานเฉลี่ยที่ 18 เดือนก่อนที่ผู้ใช้จะตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ เปรียบเทียบกับมือถือ Samsung ที่จะถูกใช้งานนานเฉลี่ยที่ 16.5 เดือน ซึ่ง 1 ใน 5 ของกลุ่มคนผิวขาว (Caucasian) จะใช้งานนานถึง 3 ปี ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ (Baby Boomer - คนที่เกิดในปีพ.ศ. 2489 - 2507) จะใช้งานนานกว่า 3 ปีจึงจะตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่

นอกจากนี้ ในรายงานยังเผยอีกด้วยว่า 7% ของกลุ่มที่ทำแบบสอบถาม ยินดีที่จะจ่ายเงินมากกว่า $1,000 หรือราว ๆ 30,000 บาท เพื่อซื้อ iPhone รุ่นถัดไปหรือมือถือ Android ซึ่ง David Kerr รองประธานของ Strategy Analytics เผยว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้ชะลอการซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ นอกเหนือจากปัจจัยด้านราคาแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะว่าไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเหมือนเมื่อก่อน

และจากการสำรวจ พบว่า ผู้ทำแบบสอบถาม 1 ใน 4 พร้อมที่จะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ถ้าหากสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวรองรับเครือข่าย 5G ซึ่งถือว่า เป็นปัจจัยในลำดับต้น ๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ ส่วนผลสำรวจอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากทาง Strategy Analytics มีดังนี้

• Apple กับ Samsung ยังคงเป็นแบรนด์ที่ผู้ใช้ให้ความภักดี (Brand Loyalty) สูงถึง 70% เทียบกับแบรนด์ LG กับ Motorola มีอัตราการกลับมาใช้ยี่ห้อเดิมต่ำกว่า 50%
• Apple มีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 50% ในประเทศแถบเอเชีย รวมถึงสเปนและละตินอเมริกา
• Samsung เป็นผู้นำตลาดในกลุ่ม Gen X (คนที่เกิดปีพ.ศ. 2508 - 2522) ส่วนกลุ่ม Gen Z (คนที่เกิดปีพ.ศ. 2540 ขึ้นไป) มีแนวโน้มจะซื้อ iPhone มากกว่า
• กล้องถ่ายรูป เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อของกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิง และกลุ่ม Gen Z

-------------------------------------
ที่มา : 9to5mac.com
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 27/08/2019

iPhone