หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

เปรียบเทียบฟีเจอร์เด็ดบน Android 8.0 Oreo และ iOS 11 มีอะไรเหมือน หรือต่างกันอย่างไร มาดูกัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ตที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ Android จากฝั่ง Google และ iOS ที่พัฒนาโดย Apple ซึ่งภายในเร็วๆ นี้ทั้งสองระบบปฏิบัติการ กำลังจะมีการอัปเดตครั้งใหญ่ หลังทาง Google ได้ประกาศเปิดตัว Android เวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 8.0 Oreo ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีแผนป้อนให้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในช่วงสิ้นปีนี้ ส่วน iOS เวอร์ชันใหม่แกะกล่องอย่าง iOS 11 ก็ใกล้เข้าสู่ตัวเต็มไปทุกขณะ ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมๆ กับ iPhone 8 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายนที่กำลังจะถึงนี้นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทั้งสองค่าย จะยังไม่ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้ผู้ใช้งานทั่วไปในเร็วๆ นี้ แต่ช่วงระยะที่ผ่านมา ทาง Google และ Apple ก็ได้ปล่อยระบบปฏิการเวอร์ชันใหม่สำหรับนักพัฒนา ให้ร่วมทดสอบมาโดยตลอด ซึ่งภายในวันนี้เราลองมาดูกันหน่อยว่า ฟีเจอร์เด็ดที่เพิ่มมาใน Android 8.0 Oreo และ iOS 11 นั้น จะมีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง หากพร้อมแล้ว เราลองไปดูกันเลยดีกว่าครับ

 

Multitasking และ Productivity

ใน iOS 11 ทาง Apple ได้ยกระดับการทำงานของ iPad ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอการทำงาน Split-Screen แบบใหม่ รวมทั้งยังปรับปรุง App Switcher ให้แสดงรายชื่อ และหน้า Thumbnail ของแอปพลิเคชันที่ใช้ล่าสุดให้อยู่ภายในหน้าเดียว พร้อมทั้งยังปรับปรุงแถบ Dock ด้านล่างให้ฉลาดมากขึ้นคล้ายกับ ซึ่งเราสามารถลากรูปภาพ หรือตัวอักษร และข้อมูลอื่นๆ ข้ามไปยังอีกแอปพลิเคชันได้แบบง่ายดาย

อย่างไรก็ดี แม้ว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้าน Multitasking และ Productivity จะถูกเพิ่มเข้ามาอย่างมากบน iPad แต่สำหรับ iPhone แล้ว ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างเช่น File แอปพลิเคชันสำหรับจัดการไฟล์ภายในตัวเครื่อง รวมถึงการปรับปรุงแอปพลิเคชันจดบันทึก Notes แต่สำหรับฟังก์ชันแบ่งหน้าจอการทำงานแล้ว iPhone ยังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้

ส่วนทางฝั่ง Android 8.0 Oreo ในปีนี้ ยังไม่ได้มีการปรับปรุงในด้าน Multitasking มากนัก แต่หากพูดถึงฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอการทำงานเหมือนกับบน iPad นั้น  ทาง Google ได้ติดตั้งมาให้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ใช้งานตั้งแต่ Android 7.0 Nougat ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

 

Picture-in-picture (PiP)

Android 8.0 Oreo ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Picture-in-Picture ซึ่งจะเป็นการย่อหน้าต่างคลิปวิดีโอที่เรากำลังรับชมอยู่ให้เล็กลง เพื่อให้เราสามามารถเปิดแอปพลิเคชันอื่นขึ้นมาใช้งานได้ โดยที่หน้าต่างนั้นยังเล่นอยู่นั่นเอง (คล้ายกับฟีเจอร์ย่อหน้าต่างในแอป Youtube) อีกทั้ง ฟีเจอร์นี้ก็สามารถใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟน และแท็ปเล็ตด้วย

แต่สำหรับทางฝั่ง iOS 11 ฟีเจอร์ PiP ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด เพราะเคยเปิดให้ใช้งานบน iOS 9 สำหรับ iPad มาแล้ว แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวยังไม่สามารถใช้งานบน iPhone ได้ รวมทั้ง ยังรองรับการทำงานแค่บน iPad รุ่นใหม่ๆ ที่สามารถอัปเดตเป็น iOS 9 ด้วย ส่วน iPad รุ่นเก่าอย่าง iPad 4th Generation จะไม่สามารถใช้งาน PiP ได้

 

Notification

สำหรับระบบแจ้งเตือน Notification ถือว่าเป็นสิ่งที่ทั้งสองระบบปฏิบัติการได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ โดยใน Android 8.0 Orero นั้น Google ได้ปรุบปรุงการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่จะแจ้งเตือนเป็นจุดสีๆ บนไอคอนคล้ายกับ iOS โดยเมื่อผู้ใช้กดไอคอนนั้นค้างไว้ ก็จะปรากฏการแจ้งเตือนขึ้นมา นอกจากนี้ ยังได้เพิ่ม Notification Channel ซึ่งเป็นเมนูจัดระเบียบการแจ้งเตือนภายในตัวเครื่องแบบเป็นหมวดหมู่ รวมถึงการตั้งค่าสี Backgroud ของแถบ Notification ได้ตามใจชอบ

ส่วน iOS 11 แม้ว่าจะไม่ได้ปรับหน้า Notification Center มากนัก นอกเหนือจากปรับตัวอักษรให้มีความหนาขึ้น ทำให้อ่านง่ายมากกว่าเดิม แต่ Apple ได้พลิกโฉม Control Center ศูนย์ควบคุมการทำงานแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับไอคอนคีย์ลัดขนาดใหญ่เรียงกันอยู่ในหน้าเดียว พร้อมแผงวิดเจ็ตที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ (อ่านพรีวิว Control Center แบบใหม่บน iOS 11 ได้ที่นี่)

 

Keyboard และ Autofill

ใน Android 8.0 Oreo ทาง Google ได้เพิ่มระบบ Autofill ซึ่งจะเป็นการกรอกข้อมูลผู้ใช้งาน เช่น รหัสผ่าน หรือชื่อยูสเซอร์ ให้แบบอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถล็อกอินเข้าสู่แอปพลิเคชันภายในตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องมานั่งพิมพ์พาสเวิร์ดนั่นเอง แต่ฟีเจอร์นี้ติดตั้งมาในระบบปฏิบัติการ iOS มาซักพักแล้ว

ทางฝั่ง iOS 11 ในปีนี้ ได้ปรับปรุงด้านแป้นคีย์บอร์ดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ One-handed keyboard ที่จะย่อส่วนแป้นคีย์บอร์ดให้เล็กลง และโยกตำแหน่งไปชิดกับขอบจอ ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์มือเดียวได้ถนัดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาบน Android 8.0 Oreo และ iOS 11 เท่านั้น ซึ่งระบบปฏิบัติการจากค่ายใดจะดีกว่า คงไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ และความถนัดในด้านการใช้งานของแต่ละคนด้วย ซึ่งคงต้องจับตามองกันต่อไปว่า ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ จากทั้งสองค่ายจะเพิ่มลูกเล่นอะไร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานบ้างครับ

 

---------------------------------------
ที่มา : androidcommunity.com

แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

 

Update : 28/08/2017

iOS 11 IT Android 8.0 Oreo





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy