หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

ทำไมต้องกล้องคู่? ทำความรู้จักกับระบบกล้องคู่ (Dual-Camera) บนมือถือ มีดีอย่างไร แต่ละแบบต่างกันแค่ไหน

หากพูดถึงหนึ่งในฟีเจอร์เด่นบนสมาร์ทโฟน ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน คงต้องมีระบบกล้องคู่ (Dual-Camera) ติดโผอย่างแน่นอน โดยกล้องคู่นั้นอยู่คู่กับวงการสมาร์ทโฟนมาหลายปีแล้ว ซึ่งหากใครยังจำกันได้ HTC EVO 3D สมาร์ทโฟนที่เคยเปิดตัวไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ก็มีกล้องคู่ติดตั้งเอาไว้เช่นกัน

โดยระบบกล้องคู่บนสมาร์ทโฟนนั้น จะเป็นการติดตั้งกล้องตัวที่สองซึ่งทำหน้าที่เป็นกล้องตัวรอง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูปให้ดีขึ้น อย่าง Huawei P10 ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขาวดำ Monochrome, iPhone 8 Plus ที่เพิ่มกล้องเลนส์ Telephoto มาให้ด้วย หรือ LG G6 ที่ติดตั้งกล้องเลนส์ Wide-Angle จับคู่กับกล้องตัวหลัก

จะเห็นได้ว่า แม้สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจะมาพร้อมกับกล้องคู่เหมือนกัน แต่ระบบการทำงานของกล้องนั้น จริงๆ แล้วมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านน่าจะยังไม่ทราบว่า ระบบกล้องคู่แต่ละรูปแบบทำงานอย่างไร และจะมีข้อดีอย่างไรบ้าง วันนี้เราลองไปค้นหาคำตอบกันเลยดีกว่าครับ

 

ระบบกล้องคู่กับ Depth Sensor


HTC One m8 มือถือที่มาพร้อมกับระบบกล้องคู่ Depth Sensor

เริ่มต้นด้วยระบบกล้องคู่ที่มีเซ็นเซอร์ Depth Sensor ก่อน โดยในระบบนี้ กล้องตัวหลักจะอาศัยการทำงานของกล้องตัวรองที่สามารถตรวจวัดความลึก ของวัตถุหรือตัวแบบที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นก็จะนำไปประมวลผลเพื่อแยกวัตถุ หรือตัวแบบ ออกจากพื้นหลัง จากนั้นตัวระบบจะนำภาพไปประมวลผลเพื่อละลายฉากหลัง เพื่อให้ได้ภาพถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ คล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องใหญ่นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ระบบกล้องคู่แบบ Depth Sensor ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง เพราะหากภาพที่เราถ่ายมีตัวแบบเป็นแผ่นป้ายเหมือนกับภาพด้านต้น กล้องมักจะละลายขอบของป้ายไปด้วย เนื่องด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการวัดระยะ รวมไปถึงวิธีเบลอฉากหลังที่ตัวซอฟท์แวร์มักจะละลายทุกอย่างที่อยู่ด้านหลังตัวแบบ

สำหรับระบบกล้องคู่แบบ Depth Sensor ถือว่าได้รับความนิยมในรุ่น HTC One m8 ที่เคยเปิดตัวไปเมื่อปี 2014 โดยในปัจจุบันยังคงมีมือถือที่ติดตั้ง Depth Sensor มาให้เห็นบ้างประปราย อย่างเช่น Honor 6X หรือ Lenovo K8 Plus

 

ระบบกล้องคู่กับเซ็นเซอร์ Monochrome

เป็นอีกหนึ่งระบบกล้องคู่ที่น่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยการเพิ่มเซ็นเซอร์ Monochrome เอาไว้ในกล้องตัวที่สอง ส่วนกล้องหลักของตัวเครื่องนั้น ก็จะมีคุณสมบัติคล้ายกับกล้องตัวรองแทบทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น ความกว้างของรูรับแสง, เลนส์ หรือระบบโฟกัสภาพ โดยสิ่งที่แตกต่างกันคือ กล้องตัวรองจะไม่มีฟิลเตอร์ RGB ซึ่งนั่นหมายความว่า จะไม่สามารถเก็บข้อมูลสีได้ แต่ก็ทดแทนด้วยความสามารถในการเก็บแสงที่ดีกว่ากล้องหลัก

โดยรูปแบบการทำงานนั้น กล้องสองตัวจะคอยเก็บภาพพร้อมกัน และนำภาพที่ได้มาประมวลผลรวมกันเป็นภาพเดียว ซึ่งตามหลักแล้ว การนำภาพที่ได้มาซ้อนกัน จะช่วยเพิ่มรายละเอียด และลด Noise ที่ปรากฏอยู่บนภาพได้อีกด้วย นอกจากนี้ เรายังสามารถถ่ายภาพจากกล้อง  Monochrome เพียงตัวเดียวได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเก็บภาพได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งภาพขาวดำ ที่ได้ยังมาจากตัวเซ็นเซอร์แท้ๆ ไม่ใช่การปรับสีด้วยแอปพลิเคชัน

สำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบนี้ นั่นก็คือ Huawei ที่เริ่มใช้งานมาตั้งแต่ Huawei P9 นอกจากนี้ ยังได้มีการนำไปติดตั้งอยู่บนตระกูล Mate อย่าง Huawei Mate 9 นอกจากนี้ ยังมีสมาร์ทโฟนบางรุ่นของแบรนด์ Honor ก็ใช้งานระบบนี้เช่นกัน อย่างเช่น Honor V9

 

ระบบกล้องคู่กับเลนส์ Wide-Angle

ระบบกล้อง Wide-Angle มีการนำมาติดตั้งบนรุ่น LG G5 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดย LG G5 มาพร้อมกับกล้องตัวหลักหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัส 29mm ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัส 12nm ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่ค่อนข้างกว้าง จึงทำให้ LG G5 สามารถเก็บภาพที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างครบถ้วน โดยแทบไม่ต้องเดินถอยหลังออกมานั่นเอง

สำหรับระบบนี้ ส่วนมากมักจะเห็นบนสมาร์ทโฟนของ LG แต่แบรนด์อื่นอย่าง Motorola ก็มีการนำไปใช้เช่นเดียวกัน อย่างเช่นในรุ่น Moto X4 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประโยชน์ของเลนส์ Wide-Angle นอกเหนือจากจะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเก็บภาพความประทับใจด้านหน้าแบบไม่ตกเฟรมได้แล้ว ยังช่วยให้เราได้ภาพมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหาไม่ได้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป

แต่อย่างไรก็ดี กล้อง Wide-Angle ยังคงมีจุดอ่อนอยู่บ้าง อย่างในรุ่น LG G5 และ LG V20 ที่กล้องตัวที่สองมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างด้อยกว่ากล้องตัวหลัก รวมทั้งยังปรากฏอาการภาพเบี้ยวด้วย แต่อย่างไรก็ดี LG ได้มีการปรับปรุงระบบกล้องมาโดยตลอด ซึ่งใน LG V30 เรือธงรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็มีอาการภาพเบี้ยวน้อยลงแล้ว

 

ระบบกล้องคู่กับเลนส์ Telephoto

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดยรูปแบบการทำงานนั้น กล้องตัวแรกจะทำงานร่วมกับกล้องตัวที่สองซึ่งเป็นเลนส์ Telephoto ซึ่งความสามารถของเลนส์ Telephoto นั้น จะต่างกับเลนส์ Wide-Angle แบบสิ้นเชิง เนื่องจากมันช่วยให้เราสามารถซูมภาพเข้าไปหาตัวแบบ หรือวัตถุที่อยู่ข้างหน้า แทนการซูมภาพออกเพื่อเก็บภาพให้กว้างขึ้น

สำหรับตัวอย่างมือถือที่มีกล้อง Telephoto ติดตั้งเอาไว้ด้วย นั่นก็คือ iPhone 7 Plus ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว รวมไปถึง iPhone 8 Plus และ Samsung Galaxy Note 8 นั่นเอง โดยข้อดีของกล้องเลนส์ Telephoto คือ เราสามารถซูมภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ที่ระดับ 2X (Optical Zoom 2X) เนื่องจากการซูมภาพในลักษณ์นี้ เกิดขึ้นจากการขยับของตัวชิ้นเลนส์ ต่างจากมือถือทั่วๆ ไป ที่ซูมภาพด้วยการใช้ซอฟท์แวร์เข้าช่วย หรือ Digital Zoom ซึ่งเป็นเพียงการขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากยิ่งขยายภาพมากเท่าไหร่ ภาพก็จะยิ่งแตกตามไปด้วย

นอกเหนือประโยชน์เรื่องการซูมภาพแล้ว เลนส์ Telephoto ยังมีข้อดีเมื่อนำไปถ่ายภาพบุคคล หรือ Portrait เพราะภาพที่ได้จะไม่ปรากฏอาการบิดเบี้ยวเหมือนกับเลนส์ Wide-Angle รวมทั้งยังช่วยวัดระยะชัดตื้นของภาพ เพื่อละลายฉากหลังคล้ายกับระบบ Depth Sensor ได้อีกด้วย

ระบบนี้ยังมีจุดอ่อนเช่นเดียวกัน เนื่องจากกล้องเลนส์ Telephoto บนมือถือที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น มักจะมีรูรับแสงที่กว้างน้อยกว่ากล้องตัวหลัก อย่างเช่นในรุ่น iPhone 8 Plus ที่มีกล้องหลัก รูรับแสงกว้างถึง f/1.8 ส่วนกล้องรองเลนส์ Telepho นั้น มีรูรับแสงกว้างที่ f/2.8 ทำให้ถ่ายภาพ Portrait ในที่แสงน้อยได้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเลนส์ Telephoto สามารถเก็บแสงได้น้อยกว่านั่นเอง

จะเห็นได้ว่า กล้องตัวที่สองที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามานั้น ก็เพื่อช่วยเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายภาพ รวมไปถึงการช่วยรีดประสิทธิภาพของกล้องหลักให้มากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้ว่าระบบกล้องคู่บนสมาร์ทโฟนยังมีข้อจำกัดให้เห็นอยู่บ้าง แต่ที่ผ่านๆ มา เราจะเห็นได้ว่า แต่ละค่ายได้มีการพัฒนากล้องให้มีความก้าวล้ำกันอยู่ตลอด ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจว่า วงการมือถือในปี 2018 ที่กำลังจะถึงนี้ กล้องบนสมาร์ทโฟนจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่แน่ว่าเราอาจได้เห็นกล้องที่มากยิ่งกว่ากล้องคู่ก็เป็นได้ครับ

 

 

--------------------------------------
ที่มา : GSMArena

แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 02/10/2017

กล้องคู่ IT





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy