หลังจากส่ง PICO 4 มาตีตลาดในไทยเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุด ทาง PICO ได้นำรุ่นสานต่ออย่าง PICO 4 Ultra มาลุยตลาดแว่น VR (Virtual Reality) และ MR (Mixed Reality) ในไทยกันต่อ ซึ่งนอกจากจะมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพแล้ว ฟีเจอร์รวมถึงเทคโนโลยีบางอย่างยังใกล้เคียงกับ Apple Vision Pro อีกด้วย แต่เปิดตัวราคาถูกกว่า เรียกได้ว่า PICO 4 Ultra เป็นแว่น VR และ MR ที่น่าสนใจมากในตลาด ณ ตอนนี้
โดย PICO 4 Ultra ยังคงคอนเซ็ปต์การเป็นแว่น VR แบบ Standalone ที่ไม่จำเป็นต้องเสียบสายเพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน และสามารถนำไปใช้งานที่ไหนก็ได้ แต่สิ่งที่ถูกอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง PICO 4 ก็คือ เพิ่มกล้องด้านหน้า ที่มีเซนเซอร์ภาพมากถึง 7 ตัว เพื่อสร้างการจำลองภาพเสมือนจริง หรือ MR (Mixed Reality) นั่นเอง ทำให้ PICO 4 Ultra เป็นแว่นที่รองรับทั้งเทคโนโลยี VR และ MR นั่นเอง
สเปก PICO 4 Ultra
ดีไซน์คล้ายเดิม แต่น้ำหนักเบา สวมใส่สบายขึ้น
ดีไซน์ของ PICO 4 Ultra โดยรวมยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถูกออกแบบให้สวมใส่ได้กระชับ อีกทั้ง PICO 4 Ultra ยังมีน้ำหนักเบาขึ้น อยู่ที่ 580 กรัม (เดิม 586 กรัมบน PICO 4) รวมถึงแบตเตอรี่ที่อยู่ตรงสายคาดด้านหลัง ทำให้มีความบาลานซ์เมื่อสวมใส่ และไม่รู้สึกหนักเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน
สายคาดสามารถปรับให้กระชับได้ตามขนาดศีรษะของผู้สวมใส่ ด้วยการหมุนที่วงแหวนด้านหลัง
พอร์ต USB-C อยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง และปุ่มเปิดปิด จะอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ส่วนปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ตรงก้านด้านขวา
หน้าจอละเอียดขึ้น ภาพสวย คมชัดกว่าเดิม ตอบโจทย์ประสบการณ์ MR ที่สมจริง
PICO 4 Ultra มาพร้อมกับจอแสดงผลขนาด 2.56 นิ้ว จำนวน 2 จอ ซึ่งเป็นเลนส์แบบ Pancake ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ระดับ 4K+ Super Sense และอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz ซึ่งตัวหน้าจอมีความละเอียดกว่ารุ่น PICO 4 ถึง 62% ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่เคยใช้งานแว่น VR ลักษณะนี้เป็นครั้งแรก อาจจะมีอาการ Motion Sickness ซึ่งจะรู้สึกมึน หรือเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ อาการดังกล่าวก็จะหายไป
คอนโทรลเลอร์ มีการปรับปรุงให้ตอบสนองไวขึ้นและแม่นยำกว่ารุ่นก่อน อีกทั้งยังรองรับการควบคุมผ่านท่าทางได้ด้วยเช่นกัน
สัมผัสโลก Mixed Reality (MR) ผ่านกล้อง 2 ตัว
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า PICO 4 Ultra เป็นแว่นที่รองรับทั้ง VR และ MR ซึ่งสิ่งที่ทำให้แว่นรุ่นนี้รองรับเทคโนโลยี MR ก็คือ กล้อง 2 ตัวด้านหน้าที่ถูกเพิ่มเข้ามานั่นเอง โดยเป็นกล้องมองทะลุสี 32 ล้านสี จำนวน 2 ตัว มองเห็นพื้นที่รอบข้างได้กว้าง และสีสันที่ปรากฎบนจอถือว่า ใกล้เคียงกับพื้นที่จริงอีกด้วย
ด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon XR2 Gen 2 อัปเกรดจากรุ่นเดิม ทำให้ CPU มีประสิทธิภาพแรงขึ้น 20% และ GPU แรงขึ้นถึง 250% รวมถึงรองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ส่วนระบบเสียง จะเป็นแบบ Spatial Audio ซึ่งจะเป็นเสียงรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
PICO Motion Tracker แปะที่ข้อเท้า พร้อมใช้งานทันที!
อีกหนึ่งของเล่นใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ PICO 4 Ultra ก็คือ PICO Motion Tracker ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเมื่อติดตั้งที่ข้อเท้า โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 38.5 กรัม จึงไม่รู้สึกหนักหรือถ่วงเมื่อใช้งาน ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างสบายเมื่อใช้กับกิจกรรมที่ต้องมีการขยับขา อย่างเช่น เกมเต้น
โดยการทำงานของ PICO Motion Tracker เมื่อเปิดใช้งานจะทำการจับคู่กับ PICO 4 Ultra ทันที อีกทั้งยัง Calibrate ง่าย เพียงแค่ยืนแล้วมองก้มไปที่ตัวอุปกรณ์ ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งใครที่มี PICO 4 รุ่นก่อนหน้า ก็สามารถใช้งานร่วมกับ PICO Motion Tracker รุ่นนี้ได้เช่นกัน
ราคา PICO 4 Ultra ในไทย
สำหรับราคาของ PICO 4 Ultra อยู่ที่ 19,990 บาท และ PICO Motion Tracker อยู่ที่ 2,990 บาท และล่าสุด PICO XR Thailand ปล่อยโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ PICO Display Zone รายละเอียดดังนี้
โดยสามารถทดลองเล่นก่อนตัดสินใจได้ที่ PICO Display Zone ที่เซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 4), เซ็นทรัล เวสต์เกต (ชั้น 2) และเมกาบางนา (ชั้น 2) ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2024 นี้
-------------------------------------
นำเสนอบทความโดย : techmoblog.com
Update : 16/10/2024
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |