รู้หรือไม่? Nikola Tesla ผู้คิดค้นไฟฟ้ากระแสสลับ เคยทำนายเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนและ FaceTime ไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เมื่อ 90 ปีก่อน

Nikola Tesla อาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูชาวไทยนัก แต่เขาคนนี้คือนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตอีกคนหนึ่งที่สร้างชื่อจากนวัตกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น ขดลวดเทสลา, การสื่อสารไร้สาย (wireless communication), ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC), หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์และหลอดนีออน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในช่วงชีวิตของเขาได้จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ไปกว่า 700 รายการ นับเป็นนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่เคียงคู่มากับ Thomas Edison เลยทีเดียว

Nikola Tesla ในห้องทดลองของเขา

Tesla มักจะมีแนวคิดล้ำหน้าไปสู่อนาคตเสมอ และในปี 1926 หรือเมื่อ 90 ปีก่อน เขาก็ได้ทำนายการถือกำเนิดขึ้นของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ในบทสัมภาษณ์ที่เขามีต่อนิตยสารยอดนิยมในอดีตอย่าง Collier’s ซึ่งมีเนื้อหาใจความดังนี้

“เมื่อการสื่อสารไร้สายได้มีการนำไปใช้กันอย่างสมบูรณ์แล้ว โลกทั้งใบจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสมองขนาดใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของภาพรวมทั้งหมดที่เป็นของจริงและมีจังหวะของมัน เราจะสามารถสื่อสารกันได้อย่างทันทีทันใดโดยไม่เกี่ยงระยะทาง ไม่ใช่แค่นี้ แต่เรายังสามารถเห็นและได้ยินกันและกันอย่างสมบูรณ์ผ่านการส่งสัญญาณภาพและเสียงราวกับมายืนอยู่ตรงหน้ากัน แม้จะมีระยะห่างระหว่างกันเป็นพันไมล์ และอุปกรณ์ที่จะทำให้เราสามารถทำเช่นนี้ได้ก็จะเป็นสิ่งที่เรียบง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ที่พวกเรามีในยุคนี้ เราจะสามารถพกอุปกรณ์ที่ว่านี้ในกระเป๋าเสื้อได้ เราจะสามารถเห็นและเป็นสักขีพยานต่อเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี การแข่งขันกีฬาระดับโลก ความหายนะของแผ่นดินไหว หรือแม้กระทั่งความน่าสะพรึงกลัวของการสู้รบ เราก็จะสามารถเห็นได้เสมือนยืนอยู่ ณ ที่นั้น"

การส่งผ่านสัญญาณภาพและเสียงระยะไกลด้วยอุปกรณ์อันเรียบง่ายที่ Tesla กล่าวมานั้น หากเทียบกับเทคโนโลยีในปัจจุบันก็คงเหมือนการวิดีโอคอลด้วย FaceTime ผ่านสมาร์ทโฟนนั่นเอง

นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ กับยอดนักประดิษฐ์คนนี้ เพราะในปัจจุบันสิ่งที่เขาได้ทำนายไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ แถมยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วด้วย หากในตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ โลกใบนี้คงได้จะได้เห็นเทคโลโลยีแห่งอนาคตที่ล้ำหน้ากว่านี้อย่างแน่นอน

--------------------------------------- 
ที่มา : ancient-code
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
 

Update : 24/08/2016