หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

ศึกเรือธงตัวท็อปในราคาประหยัด ระหว่าง OnePlus 3T และ LeEco Le Pro 3 รุ่นไหนจะมีจุดเด่นอย่างไร ไปดูกัน

ในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนระดับ flagship นั้นเริ่มมีราคาถูกลงจนจับต้องได้ แต่สมาร์ทโฟนระดับท็อปของแบรนด์ใหญ่ๆ นั้น ยังคงตั้งราคาสูงอยู่ซึ่งเริ่มต้นที่ประมาณ 650 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 23,000 บาท อย่างไรก็ดีในปัจจุบันเรามีทางเลือกกันมากขึ้นด้วยเรือธงของแบรนด์ประเทศจีน ที่ชูจุดเด่นในด้านคุณภาพรวมไปถึงสเปกภายในที่จัดมาให้กันแบบเต็มๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ แต่หากพูดถึงสมาร์ทโฟนเรือธงราคาต่ำกว่า 20,000 บาท ที่น่าจับตามองในช่วงนี้นั้น OnePlus 3T และ LeEco Le Pro 3 ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดทางเว็บไซต์ Gizmodo สื่อจากต่างประเทศได้จับทั้ง 2 รุ่นมาเปรียบเทียบกัน พร้อมเสนอความคิดเห็นถึงจุดเด่นจุดด้อย และแนะนำว่ามือถือรุ่นไหนเหมาะสำหรับใคร แต่ทั้ง 2 แบรนด์จะแตกต่างอย่างไรบ้างนั้น เราลองไปติดตามกันดีกว่าครับ

ต้องการมือถือดีไซน์สวย พร้อมสเปกแรง

สำหรับสเปกของเรือธงทั้ง 2 รุ่นนั้นต่างจัดเต็มมาให้เหมือนกันทั้งหมด โดย LeEco Le Pro 3 และ OnePlus 3T เลือกใช้งานหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 พร้อมกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วด้วยกันทั้งคู่

แต่ OnePlus 3T ค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าในเรื่องของหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB เพราะ LeEco Le Pro 3 มี RAM แค่เพียง 4GB เท่านั้น อย่างไรก็ดี ส่วนต่างของ RAM ที่ห่างกัน 2GB อาจไม่ส่งผลต่อการใช้งานมากเท่าไหร่นัก ถ้าเราไม่ได้เปิดการใช้งานแอปพลิเคชันเป็นจำนวนมาก โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในความจุ 64GB เท่ากัน และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ ด้านประสิทธิภาพการทำงานของทั้ง 2 รุ่นนี้เรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่ใช่น้อย เพราะหากอิงตามผลทดสอบบนแอปพลิเคชัน AnTuTu จะพบว่าสามารถทำคะแนนได้สูงกว่า Google Pixel เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด แถมทั้งคู่ยังมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่าราว 7,000 บาทเลยทีเดียว

บอดี้ของ LeEco Le Pro 3 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติก แม้จะผลิตจากโลหะ

ส่วนด้านการออกแบบดีไซน์ OnePlus 3T และ LeEco Pro 3 ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทั้งคู่มาพร้อมกับบอดี้ที่ผลิตด้วยวัสดุประเภทโลหะ และขึ้นรูปแบบ unibody ซึ่งในจุดนี้ LeEco Pro 3 อาจเสียเปรียบเล็กน้อยเนื่องจากให้ผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับพลาสติก แต่รวมๆ แล้ว เป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาได้ดีไม่ใช่น้อยเลย 

แต่ความแตกต่างที่ทำให้ LeEco Pro 3 อาจเสียเปรียบในประเด็นนี้คือการที่ไม่ได้ติดตั้งช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วย และหันไปใช้พอร์ต USB Type-C อย่างเดียวแทน ทำให้ต้องมีการใช้ตัวแปลงสายหากต้องการใช้งานหูฟังที่มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ 3.5 มม. อยู่ ซึ่งทำให้ในส่วนนี้ทางเว็บไซต์ยกให้ OnePlus 3T ชนะไป

ต้องการแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน

OnePlus 3T ได้ขยายความจุแบตเตอรี่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนแม้ว่าจะมีดีไซน์รวมถึงตัวเครื่องที่มีขนาดเท่าเดิมอยู่ โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,400mAh ซึ่งทางผู้ทดสอบระบุว่า สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จแบตเลยทีเดียว อีกทั้ง OnePlus 3T ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dash Charge เพื่อย่นเวลาการชาร์จให้น้อยลงด้วย

ส่วน LeEco Le Pro 3 ที่แม้ว่าดีไซน์ภายนอกอาจจะดูหนากว่าคู่แข่งไปซักนิด แต่ก็แลกด้วยแบตเตอรี่ไซส์ใหญ่กว่าที่ 4,070mAh ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้งานตามปกติได้ยาวนานถึง 2 วันโดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ นอกจากนี้ LeEco Le Pro 3 ยังพกเทคโนโลยีชาร์จเร็วติดตัวมาให้ด้วย แต่จะแตกต่างกับ OnePlus 3T เพราะเลือกใช้งานระบบ Qualcomm Quick Charge 3.0 และเนื่องด้วยแบตเตอรี่ที่มากกว่า ในจุดนี้ LeEco Le Pro 3 จึงชนะไปโดยปริยาย

ต้องการกล้องที่ถ่ายรูปได้ดีเยี่ยม

บน : OnePlus 3T ล่าง : LeEco Le Pro 3

ทั้ง 2 รุ่นนี้ค่อนข้างมีกล้องดิจิทัลด้านหลังที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน โดยมีความละเอียดทั้งหมด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX298 และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่กล้อง OnePlus 3T มาพร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหว Optical image stabilization (OIS) นอกจากนี้ผู้ทำการทดสอบระบุว่าภาพถ่ายของ OnePlus 3T ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดได้มากกว่า โดยเฉพาะในสภาวะแสงน้อยเมื่อเทียบกับ LeEco Le Pro 3

ซ้าย : OnePlus 3T ขวา : LeEco Le Pro 3

แต่เมื่อลองทดสอบในสภาวะแสงที่ดีขึ้นมาหน่อยในตอนกลางวัน จะเห็นได้ว่าทั้งคู่สามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ดี แม้ว่าระบบกล้องทั้งคู่อาจจะยังไม่สามารถเทียบเท่าเรือธงแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S7, iPhone 7 หรือ Google Pixel ได้ เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้ใส่ซอฟท์แวร์สำหรับการปรับปรุงภาพถ่ายมาให้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไหร่นัก สำหรับด้านการถ่ายรูปนี้ทางผู้ทดสอบให้ OnePlus 3T เหนือกว่าเพราะสามารถเก็บรายละเอียดในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่านั่นเอง

ไม่อยากได้แอปติดมากับเครื่อง

ในระบบปฏิบัติการของแต่ละค่าย จะมีการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้ส่วนมากไม่ค่อยได้ใช้งานกัน ซึ่งเราเรียกแอปเหล่านี้ว่า "Bloat" โดยสมาร์ทโฟนจาก OnePlus เลือกใช้งาน Oxygen OS ซึ่งยึดคอนเซ็ปท์ที่ว่าเป็น "นิยามใหม่แห่ง Android" ซึ่งแอปพลิเคชันหรือหน้าตาบนระบบปฏิบัติการนี้ ค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกับ Pure Android เลยทีเดียว แต่ได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติม เช่น notification ที่สามารถปรับแต่งได้ รวมไปถึงการควบคุมผ่านท่าทางต่างๆ ซึ่งนับได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ค่อนข้างคลีน และไม่มีแอปที่เราไม่ต้องการมากวนใจให้เห็น

ส่วน LeEco เลือกใช้งานระบบปฏิบัติการ Android เช่นเดียวกันแต่ครอบทับด้วย EUI ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นมาแทน และมีการติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ LeEco ยังมีแอปพลิเคชันของตัวเองเป็นจำนวนมากติดตั้งมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแอปกล้อง, แอปเล่นเพลง, แอปเล่นวิดีโอ, แอปดูอีเมล และแอปจัดการไฟล์ ซึ่งจริงๆ แล้วแอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด แต่หากใครที่ต้องการใช้งานมือถือที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบบคลีนๆ OnePlus 3T น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า

สรุป

ถึงแม้ว่า OnePlus 3T จะได้รับการอัปเกรดจากรุ่นพี่ให้มีความแรงมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงในด้านการถ่ายภาพรวมไปถึงความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น แต่หากจะเรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่คุ้มสุดคงไม่ได้แล้ว เพราะ LeEco Le Pro 3 ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง ซึ่งหากพิจารณาจากราคาค่าตัวของทั้งคู่ ถึงแม้ว่า OnePlus 3T อาจจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่งรายนี้ที่ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 15,600 บาท) แต่หากดูจากกล้องถ่ายภาพรวมไปถึงระบบปฏิบัติการที่ให้ประสบการณ์คล้าย Pure Android มากกว่า ก็ยังนับว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องเสียเพิ่ม 

อย่างไรก็ดี LeEco Pro 3 แม้ว่าจะแพ้ทางในเรื่องประสิทธิภาพของกล้อง แต่หากพิจารณาการใช้งานอันยาวนาน LeEco Pro 3 ค่อนข้างจะเหมาะสมกว่า เพราะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ไซส์ใหญ่ 4,070mAh นอกจากนี้ยังเปิดตัวมาด้วยราคาที่ถูกกว่าที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 14,000 บาท) อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ Gizmodo ลงความเห็นว่าในเวลานี้ OnePlus 3T อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง LeEco Pro 3 ในช่วงมือถือราคาต่ำกว่า 20,000 บาท แต่ความคิดเห็นด้านต้นก็มาจากสื่อเพียงสำนักเดียวเท่านั้น โดยมือถือที่ดีสำหรับแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่ามือถือรุ่นไหนคุ้มค่าแก่ผู้ใช้มากที่สุดนั่นเองครับ

 

---------------------------------------
ที่มา : Gizmodo

แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

 

Update : 24/11/2016

LeEco Le Pro 3 OnePlus 3T





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy